วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มองสิ่งต่างๆ ในแง่ดี

มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะมองดูสิ่งต่างๆ ในแง่ร้ายเสมอ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ทรมาน รวมทั้งความไม่สบายใจ เนื่องจากเราชอบนำจุดอ่อนหรือข้อผิดพลาดของผู้อื่นมาเยาะเย้ยถากถาง ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ฝ่ายตรงกันข้าม และนำมาซึ่งการทะเลาะวิวาท

เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่จะเป็นไปเฉพาะบุคคลต่อบุคคลเท่านั้น หากเกิดขึ้นระหว่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ดังเราจะเห็นได้จากการโจมตีด้วยคำพูดเสียดสี ระหว่างประเทสเสรีและประเทศคอมมิวนิสต์ เมื่อข้อพิพาททวีความรุนแรงมากขึ้นก็ถึงขั้นทำสงครามกัน ทำให้ประชาชนและชาวโลกได้รับความทุกข์ทรมานจากผลของสงคราม ทั้งนี้เนื่องจากสาเหตุของการมองกันในแง่ร้ายนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม หากเราพยายามมองคนอื่นในแง่ดีเพราะเชื่อว่าความดีนั้นมีอยู่ในตัวของทุกคน ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ในสภาพตกต่ำเช่นใด และพยายามนำความดีของเขาออกมาให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย ยกย่องและสนับสนุนให้เขาทำดีมากยิ่งขึ้น ผลที่เราจะได้รับก็คือความเป็นมิตร ความรักใคร่ชอบพอจากคนอื่นๆ

นอกจากเราจะช่วยเพิ่มพูนความดีในตัวเราให้มากขึ้นแล้ว เรายังช่วยให้ความเลวต่างๆ ลดน้อยลงได้ด้วย ในทำนองเดียวกัน โลกของเราจะมีสันติสุขได้ ก็ด้วยการที่แต่ละประเทศมองกันในแง่ดี ให้ความนับถือยกย่องซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความร่วมมือช่วยเหลือ รักใคร่ปองดองกัน เลิกทะเลาะและทำสงครามกันดังเช่นที่แล้วๆ มา

ในเรื่องของศาสนาก็เช่นเดียวกัน เราควรจะพยายามมองให้เห็นความดีในทุกๆ ศาสนา เพราะเมื่อเราให้ความนับถือและให้ความสำคัญแก่ศาสนาของเขา เขาก็จะพยายามรักษาความสำคัญนั้นไว้ ตรงกันข้าม หากบุคคลใดคิดว่าศาสนาของตนเองดีกว่าศาสนาของคนอื่น และโจมตีไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างศัตรูให้แก่ศาสนาของตนเอง และในเวลาเดียวกันก็เป็นการทำลายศาสนาของตนเองด้วย พร้อมกันนั้น เขายังเป็นสาเหตุให้คนในศาสนาอื่นเลวลงด้วย

เนื่องจากมนุษย์เกิดความไม่พอใจกันขึ้นแล้ว สิ่งที่มักจะเกิดตามมาก็คือ การทะเลาะเบาะแว้งและการทำสงคราม จะเห็นได้จากสงครามระหว่างศาสนาต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะศาสนามีข้อบกพร่อง แต่เป็นเพราะบุคคลในศาสนานั้นดูถูกดูหมิ่นศาสนาอื่น หรือมองศาสนาอื่นในแง่ไม่ดี ดังนั้นถ้าเราต้องการความสามัคคีและสันติสุขในโลก เราต้องพยายามมองบุคคลอื่นในแง่ดีอยู่เสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น