วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลิงสามตัว

…ตัวแรกเอามือปิดตา มันจะไม่ดูความชั่ว
…ตัวที่สองเอามือปิดหู มันจะไม่ฟังความชั่ว
…ตัวที่สามเอามือปิดปาก มันจะไม่พูดความชั่ว

ขอให้จำลิงสามตัวนี้ไว้ให้ดี และพยายามปฏิบัติตามให้ได้ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตาม เราก็คงจะเป็นเหมือนลิงธรรมดาทั้งกายและใจ เป็นลิงที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง กระโดดโลดโผนไปตามที่ต่างๆ ไม่มีความสงบจิตสงบใจ

ลิงตัวที่ 1 ไม่ดูความชั่ว
มนุษย์เราจะนั่งปิดตาอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อใดที่เราเปิดตา...ให้ฝึกมองทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ดี ให้เห็นความดีงามของทุกคน ให้เห็นความสวยงามในธรรมชาติ แล้วจิตใจของเราก็จะเบิกบาน มีความสุข

เราจะต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเมตตาต่อทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิต จะไปไหนก็ให้แผ่เมตตาไปให้ทั่ว มีความคิดที่ดีต่อสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ แล้วเราก็จะสามารถมองเห็นความดีอยู่ทั่วจักรวาล

ลิงตัวที่ 2 ไม่ฟังความชั่ว
ลิงตัวที่สองนั้นไม่ได้สอนให้เราปิดหูของเราจริงๆ แต่สอนให้เรารู้จักบังคับอารมณ์ของเรา...ถ้ามีใครมาต่อว่าเรา ด่าว่าเรา ด้วยความโกรธแค้นหรือมีใครมาเล่าเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น หรือมีคำพูดที่หยาบคาย ที่เป็นการกระตุ้นอารมณ์ของเรา ถึงแม้เราจะได้ยินก็ปล่อยให้มันออกไปจากตัวเรา โดยที่ไม่มีผลต่อจิตใจของเรา อย่าได้เกิดอารมณ์ต่างๆ ที่ไม่ดีจากการได้ยินคำพูดของคนอื่น เราจะไม่มีวันก้าวหน้าได้จริง หรือจะมีความสุขได้จริง ถ้าเรายังเอาชนะอารมณ์ของเราเองไม่ได้

ถ้ามีใครมาต่อว่า หรือตักเตือนเรา ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือไม่ก็ตาม ให้เราคิดพิจารณาเสียก่อนว่าที่เขาพูดไปนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า อย่าได้โกรธหรือโมโห เพราะเราจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรเลย ที่เขาพูดไปนั้นอาจจะมีความจริงอยู่บ้าง บางทีตัวเรามองไม่เห็นความบกพร่องในตัวของเราเอง แต่คนอื่นเขามองเห็นได้ง่ายกว่า ดังนั้นถือว่าเขาเป็นเทวดาที่จะมาช่วยเรา จงแผ่เมตตาไปให้เขาและขอบคุณเขาในใจ... ถ้าเราได้พิจารณาแล้วและเห็นสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่มีความจริงเลย ก็ไม่ต้องไปโต้เถียงหรือเสียเวลาอธิบาย เพราะคนที่โมโหนั้นย่อมไม่ฟังเหตุผล แต่ก็ให้เราแผ่เมตตาและขอบคุณเขาในใจเช่นเดียวกัน เพราะเขาให้โอกาสที่ดีสำหรับฝึกจิตใจให้แก่เรา เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก เราเรียนและก้าวหน้าได้ด้วยประสบการณ์เช่นนี้ ถ้าขาดประสบการณ์แบบนี้ แล้วเราจะฝึกการเอาชนะอารมณ์ของเราได้อย่างไร

ถ้าเขาโมโหเรา และเราสู้กลับด้วยความโมโหโทโสเช่นเดียวกันแล้ว เราจะยิ่งทำให้เขาเพิ่มกำลังและอาวุธเพื่อต่อสู้กับเรา เราจะทำให้เขาเลวลงไปอีก และทำให้ตัวเราเลวลงไปด้วย คนที่ฉลาดในการต่อสู้ เขาจะไม่หาทางกระตุ้นให้ศัตรูของเขาเพิ่มกำลังและอาวุธ แต่จะหาวิธีให้ศัตรูลดอาวุธและลดกำลังให้น้อยลง... ด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ

ถ้าใครมาเล่าเรื่องความเลวของคนอื่น หรือมานินทาเกี่ยวกับคนอื่นให้เราฟัง เราต้องพยายามหลบหลีก อย่าสนับสนุนให้เขาเล่าต่อไป ในทำนองเดียวกัน อย่าสนับสนุนการพูดคุยเช่นเดียวกัน และเราจะต้องเป็นผู้ที่ชี้นำการพูดคุยให้กลับไปในทางที่ดีแทน

ลิงตัวที่ 3 ไม่พูดความชั่ว
การที่เราเอาความเลวของคนๆ หนึ่งไปนินทาให้คนอื่นฟังนั้น จะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างมากต่อตัวเราเอง

ประการแรก คนที่ชอบนินทาเกี่ยวกับคนอื่นนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนๆ นั้นมีความผิดอยู่ในตัวเอง แต่ต้องการลืมเสียโดยการขุดความเลวของคนอื่นไปพูด เป็นการทำให้รู้สึกว่าตัวเองดี ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การนินทาเกี่ยวกับคนอื่นนั้น จะยิ่งเป็นการฝังความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ดีในตัวเองให้มากขึ้น เพราะคนเราพูดอะไรมากๆ ก็คิดตามนั้น และก็มักจะเป็นไปตามที่เราคิดอยู่เสมอ

ประการที่สอง เรากำลังช่วยให้ผู้ฟังมีนิสัยเลวลงตามเรา เพราะเขาก็คงจะเอาเรื่องนั้นไปนินทาต่อ นอกจากนั้นคนที่ฟังและเอาไปพูดต่อก็มักจะเพิ่มตรงนี้นิดตรงนั้นหน่อย ขยายความออกไปให้มากขึ้น ซึ่งพอพูดต่อๆ ไปมากๆ เข้าก็จะทำให้ไม่เหลือความจริงอยู่เลย

ประการที่สาม การที่เราประกาศความเลวของคนๆ หนึ่งนั้น จะไม่ช่วยให้เขาเป็นคนดึ้นเลย แต่ตรงกันข้าม อาจจะช่วยให้เขาเลวลง เพราะถ้าเขาเกิดรู้ขึ้นมาว่ามีคนไปนินทาเกี่ยวกับเขา เขาก็จะโกรธ ไม่พอใจ กลายเป็นศัตรูกันในที่สุด และถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตาม แต่ผู้คนมากมายก็จะคิดกับเขาไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งก็จะเป็นผลเสียต่อเขา

ประการที่สี่ เป็นส่วนที่สำคัญมาก และมนุษย์เราส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องกัน นั่นคือ... พลังความคิด พอเราคิดสิ่งที่ไม่ดี เราก็จะเพิ่มพลังที่ไม่ดี ทำให้คนรอบๆ ตัวเราคิดไม่ดีได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว การนินทามักจะเป็นการพูดถึงความเลวที่เราคิดกันขึ้นมาเอง เขาอาจจะไม่เลวอย่างที่เราคิดเลย แต่พลังความคิดของเรารวมทั้งผู้อื่นที่นินทาต่อๆ กันไปก็จะถึงตัวเขา ทำให้เขาเลวไปอย่างที่เราคิด ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น

สรุปแล้ว การนินทาเป็นสิ่งที่เราต้องระวังมากที่สุด เป็นสิ่งที่มีข้อเสียหลายประการ ถ้ามีใครมานินทาให้ฟัง ให้เราคิดเสียว่า “มันอาจจะไม่จริงและเราไม่สนใจ” และพยายามหลีกเลี่ยงคนนินทา ถ้าตัวเราเองเริ่มมีความคิดที่จะนินทา ให้เราเริ่มพูดเกี่ยวกับความเลวของเราเองออกมาดังๆ ให้ได้ถึง 5 นาที แล้วเราจะไม่นินทาเกี่ยวกับคนอื่นอีก มนุษย์เรานินทากันได้เป็นชั่วโมงๆ แต่พอมีใครพูดเกี่ยวกับความเลวของเราให้เราฟังเสีย 10 นาที เราก็จะโมโหไม่พอใจ ในเมื่อตัวเราเองไม่ชอบก็ต้องฝึกที่จะไม่ทำเช่นเดียวกัน

เราจะต้องหัดพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งมิได้หมายความว่า สิ่งใดที่เป็นความจริงเราจะต้องพูดออกมา เพราะการพูดความจริงบางครั้งอาจจะไม่เป็นประโยชน์ แต่ตรงกันข้ามอาจจะเป็นโทษก็ได้ เช่น มนุษย์เราไม่ชอบให้ใครมาตำหนิต่อว่า หรือพูดความจริงเกี่ยวกับความเลวของเขา ถ้าเราไปพูด เขาก็จะโกรธโมโหเรา แทนที่จะช่วยเขา เรากลับทำให้เขายิ่งตาบอดต่อความเลวของเขา ดังนั้นเราควรจะถือกฏไว้ว่า อย่าตักเตือนใครหรือสั่งสอนใคร ยกเว้นเขาจะมาขอคำแนะนำจากเรา ซึ่งเราจะต้องพูดด้วยวาจาที่อ่อนหวาน และใช้แต่คำพูดที่ดีๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น