วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ศัตรูที่แท้จริงของเรา

เมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ เราใส่ข้อมูลเข้าไป เครื่องจะหาข้อมูลเก่าที่มีอยู่ในหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์จะเริ่มทำงานตามโปรแกรมคำสั่งที่อยู่ในหน่วยความจำ ถ้าไม่มีข้อมูลอยู่ในหน่วยความจำ หรือข้อมูลขาดหายไป เครื่องก็จะทำงานไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราเห็นหรือได้ยินอะไร เราจะหาข้อมูลที่อยู่ในจิตใต้สำนึกซึ่งเราได้รับประสบการณ์มาจากอดีต แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ก่อนที่จะปรากฏออกมาเป็นการรับรู้ ถ้าเราหาข้อมูลนั้นไม่เจอในจิตใต้สำนึก จิตสำนึกก็จะไม่รู้จักสิ่งที่เข้ามาทางประสาทสัมผัสของเรา สมมติว่าข้อมูลที่เราได้รับมาจากจิตใต้สำนึกนั้น เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้เราหงุดหงิด จิตใต้สำนึกก็จะส่งอารมณ์ความรู้สึกนี้ไปยังจิตสำนึกด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางครั้ง เราเห็นบางสิ่งบางอย่างแล้วเรารู้สึกอารมณ์เสีย หรือได้ยินบางสิ่งบางอย่างแล้วเราหงุดหงิด ดังนั้นเราควรจะตระหนักว่า ศัตรูที่แท้จริงของเราอยู่ภายในตัวเราเอง มันอยู่ในจิตใต้สำนึก มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วถูกบันทึกไว้ด้วยการกระทำและความคิดของเรา

เพื่อที่จะได้พบความสุขอันถาวร มนุษย์จะต้องรู้จักปราบศัตรูของเรา...ศัตรูที่แท้จริงของเราจะคอยดึงให้เราตกต่ำลงไปอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราเกิดความทุกข์ และเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานา

ศัตรูที่แท้จริงของเราคืออะไร? ศัตรูที่แท้จริงของเราไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่สิ่งใดๆ ภายนอก ศัตรูที่แท้จริงของมนุษย์ คืออารมณ์ที่มีอยู่ในตัวเรา.. ความโกรธ ราคะ ความอิจฉา ความโลภ ความหยิ่งยะโส ความเกลียด ความยึดมั่น ความกลัว และความวิตกกังวล... นั่นแหละคือศัตรูของมนุษย์!

วิถีทางที่จะเอาชนะอารมณ์ที่มีอยู่ในตัวเราก็คือ การแสวงหาความสงบสุข ความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรารู้จักควบคุมตนเอง เมื่อเราทำจิตใจของเราให้สงบนิ่ง ใจของเราก็เงียบสงบอย่างสิ้นเชิง อารมณ์ต่างๆ ที่ส่งมาจากจิตใต้สำนึกจะไม่สามารถไปกระทบกระเทือนจิตสำนึกได้อีกต่อไป

อารมณ์เปรียบเสมือนคลื่น ประเดี๋ยวก็ตื่นเต้น ประเดี๋ยวก็กลุ้มอกกลุ้มใจ ดังนั้นเราจึงมีทั้งความสุขและความทุกข์สลับกันไปตลอดเวลา เคล็ดลับก็คือ เราต้องลดความไม่สม่ำเสมอกันของคลื่น จนกระทั่งคลื่นต่างๆ ได้สงบลงเป็นเส้นที่ราบเรียบ เมื่อนั้นเราก็จะสงบสุข

การเอาชนะอารมณ์ไม่ใช่หมายถึงการเก็บกดอารมณ์โกรธ โลภ อิจฉา ริษยา และอารมณ์อื่นๆ เอาไว้ เพราะเมื่อเราเก็บกดอารมณ์ของเราเอาไว้ อารมณ์เหล่านั้นจะถูกอัดไว้จนเต็มกำลัง แล้วมันก็จะระเบิดออกมา เหมือนกับลูกโป่ง ถ้าเราไปกดลูกโป่งไว้ มันจะมีแรงดันของอากาศมากขึ้นๆ แรงดันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรายิ่งกดมันไว้อีก แรงดันจะเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด แล้วลูกโป่งก็จะระเบิด มีคนจำนวนไม่น้อยที่เก้ฐกดอารมณ์ของตนเอง จนในที่สุดเขาก็ต้องเสียสติ สับสน จิตใจไม่ปกติ จนต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

ดังนั้นอย่าไปเก็บกดอารมณ์ของเรา แต่ทุกครั้งที่จิตใต้สำนึกส่งสัญญาณเกี่ยวกับอารมณ์ออกมา เราก็เพียงแต่ยิ้มและรู้เสียว่ามันเกิดจากความทรงจำในอดีต นั่นเป็นอดีต มันไม่ได้มาจากข้างนอก แต่มันมากจากภายในตัวเราเอง เนื่องจากว่าเราต้องมีชีวิตอยู่กับมัน ถ้าเรารู้จักมันและเป็นมิตรกับมัน ไม่ต่อสู้กับมัน เราจะสามารถอยู่กับมันได้อย่างสงบสุขได้เร็วขึ้นเพียงนั้น

ในยามค่ำคืน ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดไปหมด แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ความมืดก็หายไป ดวงอาทิตย์ไม่ต้องใช้กำลังขับไล่ความมืด ดวงอาทิตย์เพียงแต่โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าอย่างเงียบกริบ แล้วความมืดก็จะอันตรธานหายไป เมื่อมีแสงสว่าง ความมืดก็อยู่ไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน เราควรจะนำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของเรา แสงสว่างนี้เปรียบเหมือนคุณค่าของความเป็นมนุษย์ อันได้แก่ ความสงบสุข ความรัก ความประพฤติชอบ ความจริง และการไม่เบียดเบียนคนอื่น เมื่อเรานำคุณค่าเหล่านี้มาสู่ชีวิตของเราแล้ว อารมณ์ก็จะไม่สามารถรบกวนความสงบสุขของเราได้อีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น