วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

จักรวาล...มหาวิทยาลัยของมนุษย์

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้สามารถเป็นบทเรียนสอนเราได้เป็นอย่างดี ถ้ามนุษย์เรารู้จักมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ด้วยความสงบ เราก็จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง...

ท้องฟ้า
ท้องฟ้า เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ไม่มีขอบเขต จิตใจของเราก็ควรจะเป็นเช่นเดียวกับท้องฟ้า อย่าเป็นคนใจแคบ ขยายจิตใจออกไปให้กว้างใหญ่อยู่ตลอดเวลา อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง ให้คิดถึงผู้อื่น คิดถึงส่วนรวม และจะสังเกตเห็นว่าท้องฟ้ามีสีฟ้า ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีเมฆบ้าง บางครั้งอาจจะมีพายุบ้าง หรือมีฝนบ้าง แต่ในที่สุด ลมก็จะพัดพาเมฆไป และท้องฟ้าก็จะมีสีฟ้าดังเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จิตใจของเราก็เช่นเดียวกัน อาจจะมีสิ่งมัวหมองเข้ามา มีความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้น แต่ควรทำจิตใจให้สงบนิ่งเหมือนเดิม อย่าให้มันเปลี่ยนแปลงไป ให้จิตใจมั่นคงอยู่ตลอดเวลา

เมฆ เมฆจะกลายเป็นฝน... ฝนจะให้ชีวิตแก่ตนไม้ มนุษย์ และสัตว์
เมฆต้องสลายตัวมันเองทั้งหมดเพื่อที่จะกลายเป็นฝน...
เมฆต้องเสียสละตัวมันเองเพื่อให้ชีวิตแก่สิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง..
นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สอนให้เราเป็นเหมือนเมฆ นั่นก็คือ การยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่น

บทเรียนอีกบทหนึ่งที่เราเรียนรู้ได้จากเมฆก็คือ เมฆเกิดจากการระเหยของน้ำในมหาสมุทร ดังนั้นแหล่งกำเนิดของเมฆคือ มหาสมุทร แต่เมื่อเมฆกลายเป็นฝนตกลงมาบนแผ่นดิน น้ำฝนจะไหลลงสู่ลำธารและแม่น้ำ... ไหลไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่มีการพักผ่อน...ไหลไปจนกว่าจะพบกับแหล่งกำเนิดของเมฆอีกครั้ง นั่นคือ มหาสมุทร บางครั้งฝนตกบนพื้นดินแห้ง แม้มันไม่สามารถรวมตัวเป็นจำนวนมากได้ มันก็จะใช้วิธีอื่น คือการระเหยกลายเป็นไอ ในที่สุดมันก็จะกลายเป็นก้อนเมฆแล้วก็ตกมาเป็นฝนใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันไม่มีการหยุดพักผ่อนและไม่พอใจจนกว่าจะไหลรวมกันไปสู่มหาสมุทร...แหล่งกำเนิดของมัน

มนุษย์ก็เช่นกัน เรากำลังเดินทางเพื่อแสวงหาแหล่งกำเนิดของความสุขที่แท้จริง มนุษย์จะไม่พอใจจนกว่าเขาจะพบกับแหล่งกำเนิดของความสุขที่แท้จริง เขาจะแสวหาจนกว่าเขาจะพบว่า...แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาแสวงหานั้นมันอยู่ภายฝนตัวเขาเอง เมื่อเขาพบแล้ว นั่นหมายความว่าเขาได้ผ่านการเดินทางไกลมาจนครบวงจรแล้ว...จากตัวเองแล้ววกเข้ามาสู่ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง จากแหล่งกำเนิดแล้วกลับมาสู่แหล่งกำเนิดอีกครั้งหนึ่ง

น้ำในแม่น้ำ น้ำในแม่น้ำจะพยายามไหลลงสู่ทะเลตลอดเวลา ถึงแม้บางครั้งจะต้องโค้งไปโค้งมา แต่ในที่สุดก็จะถึงทะเล มนุษย์เราก็ต้องพยายามเดินก้าวหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิต จงอย่าท้อถอย และที่สำคัญ แม่น้ำนั้นมีอยู่มากมาย แต่ในที่สุดก็จะไหลลงสู่ทะเลเดียวกัน น้ำในแม่น้ำ ในที่สุดก็จะเป็นมหาสมุทร แยกกันไม่ออก ศาสนาในโลกมีหลายศาสนา แต่แนวทางของศาสนาทุกศาสนาก็จะนำเราไปสู่ความจริงเดียวกัน

ภูเขา ภูเขาที่เรารู้จัก…บางครั้งก็มีหิมะปกคลุม บางครั้งก็มีพายุกระหน่ำ บางครั้งมีทั้งฝนตกฟ้าร้องฟ้าผ่า หรือมีลมพัดอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ภูเขาได้รับความปั่นป่วนรอบตัว แต่มันกลับนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านแต่ประการใด สงบเงียบตลอดเวลา

เช่นเดียวกัน ในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะประสบกับปัญหา ความยากลำบาก ความสำเร็จ ความล้มเหลว หรือเผชิญกับความวุ่นวายต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา จิตใจของเราจะต้องไม่สะทกสะท้านเช่นดังภูเขาที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย เราต้องฝึกให้จิตใจของเรามั่นคง มีแต่ความสงบนิ่งและไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา แล้วเราจะมีแต่ความสุข

ฤดูกาล
เมื่อมีฤดูร้อน เราก็จะรู้ว่าในไม่ช้า ฤดูฝนก็จะตามมาอย่างแน่นอน เมื่อเรามีความร้อนใจ มีความทุกข์ ก็จงอย่าท้อใจ มันไม่ใช่เป็นสิ่งถาวร ในไม่ช้าความเย็นในใจก็จะเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องเข้าใจว่า ฤดูจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราต้องรู้จักปล่อยวาง อย่ายึดความความ เพราะถึงเวลามันก็จะเปลี่ยน และเราก็จะมีความทุกข์ เราต้องทำจิตใจให้อยู่เหนือความทุกข์และความสุข เหมือนกับนกที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า…อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

ต้นไม้
ต้นไม้...ให้บทเรียนมากมายแก่เรา เป็นตัวอย่างของการรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่น การเสียสละ การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ต้นไม้ได้ให้ความร่มเย็นแก่ทุกคนที่นั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของมัน มันให้ความร่มเย็นแก่ทุกคน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม... ไม่ว่าเขาจะเป็นเศรษฐีหรือยาจก... ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนเลว แม้กระทั่งคนที่ถือขวานมาพร้อมกับความตั้งใจที่จะโค่นต้นไม้ก็ตาม ถ้าเขาเหนื่อยเขาก็จะนั่งพักภายใต้ร่มเงาของมันก่อนที่จะเริ่มโค่นมัน ผู้ที่จะมาทำลายต้นไม้ยังได้รับความร่มเย็นจากต้นไม้เช่นกัน

ต้นไม้ยินดีรับใช้เรา แม้กระทั่งมนุษย์เอาไปเผา มันก็จะให้ความอบอุ่นในยามหนาว ต้นแก่นจันทร์ เมื่อเราเอาขวานไปตัดต้นมัน มันก็ยังให้กลิ่นหอมติดมากับขวานของผู้ที่ทำลายมันด้วย

ต้นไม้ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง มันให้สิทธิ์ทุกคนที่จะขอรับความร่มเย็นจากมันอย่างเท่าเทียมกัน เราควรเรียนรู้ที่จะให้ เรียนรู้ที่จะรัก และเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือคนอื่นอย่างเท่าเทียมกันหมด แม้กระทั่งศัตรูของเราเอง...เช่นเดียวกับต้นไม้

ดอกไม้
ดอกไม้มีสีสันสวยงาม มนุษย์เราเห็นเข้าก็ชื่นชมยินดี มีความสบายใจ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มองไปแล้วเกิดความสวยงามไปหมด มนุษยืเราก็ควรจะเป็นแบบดอกไม้ เราควรจะให้ความรักความเมตตาต่อทุกคน ทำให้ผู้อื่นมีความสบายใจ มีความสุข

แมลง
แม้กระทั่งแมลงตัวเล็กๆ เช่น ผึ้ง ก็ยังเป็นบทเรียนที่ดีแก่เรา ผึ้งจะเลือกเฉพาะดอกไม้ที่ดี เพื่อที่จะดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ไปเป็นน้ำผึ้ง มนุษย์เราก็ควรจะสามารถแยกแยะสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี เลือกแต่สิ่งที่ดีงามเท่านั้น อย่าไปแสวงหาความชั่ว บาปกรรมทั้งหลาย และถ้าสังกุดูจากผึ้งจะพบว่ามันไม่ได้เอาแต่ได้เพียงอย่างเดียว แต่มันช่วยนำเกสรจากดอกหนึ่งไปสู่อีกดอกหนึ่ง เพื่อช่วยแพร่พันธ์ต่อไป ในทำนองเดียวกัน เราจงอย่าเอาแต่ได้เพียงอย่างเดียว ต้องรู้จักตอบแทน รู้จักให้ รู้จักรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น