วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผ่อนคลายทั้งกายทั้งใจ

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักวิธีการผ่อนคลายทั้งกายและใจ เราจะสูญเสียพลังไปโดยไม่จำเป็นตลอดทั้งวัน และตอนกลางคืนเรามักจะนอนหลับไม่สนิทด้วย การผ่อนคลายที่กล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องกลายเป็นคนเกียจคร้าน อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร หรือนอนหลับพักผ่อนบ่อยๆ แต่ตรงกันข้าม คนที่รู้จักวิธีผ่อนคลายจะเป็นคนที่มีทั้งกำลังกายและกำลังใจ ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดี คล่องแคล่วว่องไว เขาจะใช้พลังเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่มีการสูญเสียพลังงานไปโดยไม่จำเป็นเลย

เมื่อใดที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหว เราก็จะสูญเสียพลังไป และก่อนที่ร่างกายของเราจะเคลื่อนไหวได้ เราจะต้องมีความคิดเกิดขึ้นเสียก่อน ซึ่งความคิดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องใช้พลังงานเช่นเดียวกัน เราจะเห็นว่าคนที่คิดมากหรือจิตใจฟุ้งซ่านจะรู้สึกอ่อนเพลียได้ง่าย ความคิดอาจเกิดขึ้นในจิตสำนึกหรือในจิตใต้สำนึกก็ได้ ถ้าเรารู้ตัวในขณะที่เรากำลังคิดอยู่ ความคิดนั้นจะเกิดจากจิตสำนึก ซึ่งจะส่งสัญญาณไปยังจิตใต้สำนึก จิตใต้สำนึกก็จะส่งคลื่นความคิดนั้นเหมือนกระแสไฟฟ้าออกจากสมอง ไปตามเส้นประสาทต่างๆ และไปถึงกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เราต้องการจะเคลื่อนไหวได้ ขบวนการทั้งหมดนี้เราจะต้องสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ก็อาจจะมีการสูญเสียพลังได้ เช่น การเกร็งตัว กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวได้ก็ต่อเมื่อเราส่งสัญญาณออกจากสมองไปตามเส้นประสาทต่างๆ ทำให้สูญเสียพลังไป

การพักผ่อนที่แท้จริงจะไม่ค่อยมีการสูญเสียพลังไปโดยเปล่าประโยชน์ กล้ามเนื้อและเส้นประสาทจะได้พักผ่อนจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะกลายเป็นคนที่เฉื่อยชาหรือเกียจคร้าน คนที่ได้พักผ่อนจริงๆ จะเป็นผู้ที่มีความอดทน มีกำลังมากมาย แข็งแรง จิตใจผ่องใส เมื่อถึงคราวจำเป็นก็จะคิดหรือทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

แมว...ในขณะที่มันนั่งอยู่นิ่งเฉย มันไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนใดๆ แต่พอมีหนูผ่านมาใกล้ๆ มันจะรอจังหวะที่เหมาะสม ระหว่างที่รอ มันก็ยังคงอยู่นิ่ง ไม่มีการเกร็งตัว และเมื่อได้จังหวะ มันจะกระโดดตะครุบหนูอย่างรวดเร็วและฉับไว เราก็ควรจะเป็นเหมือนแมว พักผ่อนอยู่นิ่งเฉยไม่เกร็งตัว เมื่อถึงโอกาสก็จะเคลื่อนไหวไปได้อย่างรวดเร็ว

เราควรจะเข้าใจว่าการกระทำทุกชนิดจะต้องเริ่มต้นจากความคิด ไม่ว่าจะเป็นความคิดจากจิตสำนึกหรือจากจิตใต้สำนึก และในทำนองเดียวกันการกระทำต่างๆ ก็จะมีผลสะท้อนกลับมายังจิตใจของเราอีกทีหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เมื่อเรามีความรู้สึกโกรธ เรามักจะกำมือและเกร็งตัว แต่ในขณะที่เราไม่ได้โกรธ แล้วเราไปเกร็งตัวและกำมือ เราจะกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย พอมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้เราโกรธได้ทันที เมื่อเราทราบว่าเป็นเช่นนี้แล้ว หากตอนนี้เราเป็นคนที่โกรธคนง่าย เราก็จะช่วยให้ตัวเองมีความสุขสบายใจด้วยการยิ้ม หรือฝึกยิ้มบ่อยๆ แล้วไม่นาน เราจะรู้สึกสบายใจ มีความสุข และเราก็จะกลายเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส คนที่ได้พบได้เห็นเราก็จะมีความสุขไปด้วย ถ้าเราหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลา คนที่เห็นเราหน้าบึ้งก็จะไม่สบายใจไปด้วย

สรุปแล้วเราควรจะหัดพักผ่อนจริงๆ ฝึกจิตใจให้สงบ ตัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป อย่าคิดวิตกกังวล กลุ้มอกกลุ้มใจ หรือมีอารมณ์ราคะ โมหะ โทสะ คนที่ไม่สบายใจบ่อยๆ มีอารมณ์หงุดหงิด หรือมีความกลัว จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย เพราะฉะนั้นขอให้เราเริ่มมีการพักผ่อนอย่างแท้จริง พยายามฝึกจิตใจให้สงบ และยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น