วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พลังแห่งการแผ่เมตตา

การแผ่เมตตา เป็นการปฏิบัติที่สำคัญมาก ถ้าเราแผ่เมตตาบ่อยๆ จะช่วยให้จิตใจเราสงบลง ทำให้เราสบายใจและหายกังวลในเรื่องต่างๆ เราจะกลายเป็นคนที่มีอารมณ์ดี ไม่โกรธใครง่ายๆ เราจะมีความเมตตากรุณาต่อทุกสิ่งในโลกนี้ ทำให้เราอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น และเราเองก็จะเป็นที่รักใคร่ของทุกคน

ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการแผ่เมตตาที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ที่จะได้กับตัวผู้แผ่เมตตาเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลประโยชน์ที่ผู้อื่นจะได้รับจากการแผ่เมตตาของเรา นอกจากตัวเราเองจะมีความสงบสุขแล้ว จิตใจของผู้อื่นที่อยู่รอบๆ ตัวเรา หรือของผู้ที่เราเจาะจงแผ่เมตตาไปให้ก็จะสงบสุขตามไปด้วย เราอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า พอเราเข้าไปอยู่ใกล้ๆ นักบุญหรือนักบวช จิตใจของเราก็จะสงบลงทันที ความคิดต่างๆ ที่ไม่ดีก็จะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้เพราะมีกระแสจิตพุ่งออกไปจากผู้แผ่เมตตา จริงๆ แล้ว ไม่ว่าเราจะคิดอะไรก็ตาม จะมีกระแสหรือพลังส่งออกมาจากตัวเรา ซึ่งผู้อื่นสามารถที่จะรับความคิดนั้นได้ ด้วยเหตุนี้บางคนที่มีสมาธิดี สามารถที่จะอ่านความคิดของผู้อื่นได้ หรือสามารถที่จะติดต่อกันได้โดยใช้กระแสจิต (โทรจิต) นักวิทยาศาสตร์หลายคน เช่น ศาสตราจารย์ฟูคะราย ในประเทศญี่ปุ่น และเดอลาวาร์ ในประเทศอังกฤษ ได้ทดลองถ่ายรูปของความนึกคิดออกมาได้ แสดงให้เห็นว่า ความคิดของเรามีคลื่นพุ่งออกไปจากตัวเราจริงๆ

เพราะฉะนั้น เราจะต้องระมัดระวังมากในเรื่องของความคิดของเรา ถ้าเราคิดสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ คนอื่นก็อาจจะได้รับความคิดีๆ และได้ประโยชน์จากความคิดของเรา แต่ถ้าจิตใจของเราเต็มไปด้วยความคิดที่ไม่ดีหรือกิเลสต่างๆ จะทำให้คนอื่นมีความคิดที่ไม่ดีตามไปด้วย ถ้ามีใครที่โกรธเรา อยากจะทะเลาะกับเรา หรืออยากจะทำร้ายเรา จงอย่าไปทะเลาะกับเขาหรือทำร้ายเขา แต่จงทำจิตใจของเราให้สงบ แผ่เมตตาให้เขา ถ้าเราเคยแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำ คนที่โกรธก็จะได้รับกระแสความเมตตาจากเราไปบ้าง ทำให้จิตใจเขาสงบลง แล้วเขาก็จะหายโกรธ เลิกทะเลาะกับเรา หรือเลิกคิดที่จะมาทำร้ายเรา

สัตว์ที่ดุร้าย เราก็ปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน คืออย่าวิ่งหนีหรือแสดงความกลัว แต่ให้เราอยู่นิ่งๆ แล้วแผ่เมตตาไปให้สัตว์ร้ายตัวนั้น สักครู่หนึ่งสัตว์ร้ายก็จะวิ่งหนีไป และไม่มาทำร้ายเรา นอกจากนี้การแผ่เมตตายังมีผลดีต่อพืชผักผลไม้อีกด้วย ดังเช่นที่ได้ยกตัวอย่างการทดลองปลูกต้นดาวกระจายของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปก่อนหน้านี้แล้ว

ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังกล่าว การแผ่เมตตาจึงสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้มาก และสามารถที่จะช่วยทำให้สงครามและความทุกข์ทรมานลดน้อยลง ทำให้โลกของเรามีความสุขและสันติภาพมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น